Let Me Eat Your Pancreas | ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ (2017)
จะว่าไปในโลกของภาพยนตร์ เนี่ยมีหนังเกี่ยวกับโรคร้ายต่างๆมากมาย ทั้ง เอดส์ อัลไซเมอร์ รวมถึงโรคมะเร็ง โรคมะเร็งนี่ถูกนำมาหยิบใช้บ่อยมากๆ และก็มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่พูดถึงชีวิตคนเป็นโรคมะเร็งได้น่าสนใจ จริงๆโรคนี้พบได้ในทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะพบในอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ส่วนใน หนังHD วัยเด็กพบน้อยกว่าในผู้ใหญ่ประมาณ 10 เท่ารคที่เกิดจากการมีเซลล์ผิดปกติในร่างกายและเซลล์เหล่านี้มีการเจริญเติบโตรวดเร็วเกินปกติ ร่างกายควบคุมไม่ได้ เซลล์เหล่านี้จึงเจริญลุกลามและแพร่กระจายทั่วร่างกาย ส่งผลให้เซลล์ปกติของเนื้อเยื่อ / อวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด ได้แก่ ปอด ตับ สมอง ไต กระดูก และไขกระดูก ซึ่งวันนี้เราก็เลยอยากจะแนะนำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับมะเร็งได้อย่างน่าสนใจ เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Let Me Eat Your Pancreas ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ ถึงชื่อเรื่องจะดูตลกแต่หนังนี่ไม่ได้ตลกตามชื่อเรื่องนะ
Let Me Eat Your Pancreas ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนว โรแมนติก Romance ผลงานจากค่าย Toho กำกับภาพยนตร์โดย Shō Tsukikawa นำแสดงโดย Minami Hamabe , Takumi Kitamura , Keiko Kitagawa , Shun Oguri , Karen Ōtomo , Yūma Yamoto , Yusuke Kamiji , Dori Sakurada , Daichi Morishita และ Satomi Nagano
เป็นเรื่องราวของ หนังHD ที่มีเรื่องราวเริ่มต้นจากเด็กหนุ่มนักเรียนมัธยมปลายผู้ที่ไม่ค่อยสนใจสิ่งอื่นใดนอกจากการอ่านหนังสือ และ “ยามาอุจิ ซากุระ” (Sakura Yamauchi) เด็กสาวเพื่อนร่วมชั้นเรียนเดียวกัน เธอเป็นคนที่มีอัธยาศัยที่ดี เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ ในห้อง โดยทั้งคู่เป็นคณะกรรมการประจำห้องสมุดของโรงเรียน…ทว่าวันหนึ่งเขาได้ไปพบไดอารี่ของซากุระ เขาได้ไปเผลออ่านอย่างไม่ตั้งใจก่อนจะพบข้อความสุดสะเทือนใจว่า “…ฉันกำลังจะตายในไม่กี่ปีต่อจากนี้” จนกระทั่งได้ล่วงรู้ว่า… ซากุระป่วยเป็น “โรคมะเร็งในตับ” ซึ่งไม่นานนัก… เธอก็ได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แล้วในช่วงเวลานี้เองที่ทั้งคู่ได้เริ่มสนิทกันมายิ่งขึ้น แต่ก็สายเกินไปเพราะซากุระจะได้สิ้นใจลงอย่างสงบในเวลาไม่นานนัก… วันเวลาได้ผ่านมานานถึง 12 ปี… เด็กหนุ่มที่กลายเป็นคุณครูในโรงเรียนเดิมที่เรียนจบมา เขาได้รับหน้าที่ในการดูแลห้องสมุด จนกระทั่งเขาได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า I want to eat your Pancreas ซึ่งในหนังสือเล่มนี้มีความลับและความทรงจำบางอย่างที่ถูกเก็บเอาไว้นานถึงสิบสองปี อันความทรงจำของหญิงสาว และความรักที่เธอไม่เคยได้บอกกับใคร
หลังจากเราชมภาพยนตร์นี้จบเราว่าหมัดเด็ดของภาพยนตร์หนังภาพคมชัดเรื่องนี้ต้องยกให้ “การดำเนินเรื่อง” ที่สลับระหว่างอดีตกับปัจจุบันได้อย่างสมูทและลงตัวมากๆ คือเรื่องจะเป็นประมาณว่า ในปัจจุบันพระเอกที่เป็นครูเล่าอดีตของตัวเอง (ตอนเป็นนักเรียน) กับเด็กสาว (ซากุระ) ให้นักเรียนคนหนึ่งฟัง แต่ไม่ได้เล่าโทง ๆ ไปทีเดียวจบเรื่องนะ คือจะมีการสลับเหตุการณ์ไปมาระหว่างปัจจุบันกับอดีตเรื่อย ๆ ตลอดทั้งเรื่องเนื้อเรื่องหลักคืออดีตแหละ แต่ว่าในช่วงท้ายหนังจะดึงผู้ชมกลับมาปัจจุบันและกลายเป็นว่าเนื้อเรื่องปัจจุบันก็เป็นเรื่องหลักเหมือนกัน หมายความว่าหลังจากเราอินจากอดีตที่เป็นจานหลักของหนังเสร็จแล้ว
ก็ตบท้ายด้วยชีวิตปัจจุบันของตัวละครเป็นของหวานชั้นดีอีกด้วยซึ่งเหตุการณ์อดีตส่งไม้ต่อให้ปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม และการสลับไปมาที่ว่ามานี้ไม่ได้ทำให้ดูแล้วงง แต่เหมือนว่าเรากลับมาฟังมุมมองของตัวละครในปัจจุบัน ซึ่งผมว่ามันก็ทำให้เราค่อย ๆ อินกับ หนังโรแมนติก ตอนปัจจุบันมากขึ้น จนไปจบสวย ๆ ในตอนท้ายเรื่องนั่นเอง เราว่าผู้กำกับมีไดเรคชั่นในการกำกับหนังที่ชัดเจนและน่านใจมากๆ ส่วนเรื่องบทภาพยนตร์ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งส่วนเทคนิคภาพยนตร์เราว่าโอเคนะ งานภาพ Visual ออกมาดีมากตัดต่อก็สมูท ดนตรีประกอบก็เพราะรวมๆเราว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังดราม่าอีกเรื่องที่แนะนำ